มีหลากหลายความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ที่ทำให้คนที่พยายามจะลดน้ำหนักยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ใจมุ่งหวัง เพียงเพราะคุณทำผิดวิธีหรืออาจจะเคยเข้าใจอะไรผิดๆจากสื่อบางประการ
หนึ่งในวิธีการออกกำลังกายที่คนหลายคนเชื่อว่ามันจะช่วยทำให้ร่างกายสมส่วน พุงยุบ ช่วยให้มีซิกแพคมากขึ้น ก็คือ การซิทอัพ ซึ่งการออกกำลังกายวิธีนี้เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่สามารถทำได้ที่บ้าน หากไม่มีเวลาที่จะไปเข้ายิม คุณอาจจะเลือกการซิทอัพเพื่อใช้ในการลดน้ำหนักหรือสร้างซิกแพคได้ แต่…ให้รู้ไว้ว่าการซิทอัพมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงได้หากไม่ทำสิ่งต่อไปนี้ควบคู่ไปด้วย มิหนำซ้ำการซิทอัพในปริมาณมากๆอาจจะทำให้คุณได้รับอันตรายบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายก็เป็นได้
สิ่งหนึ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ การซิทอัพเป็นการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องเป็นหลัก แต่ไม่ใช่การลดไขมัน ดังนั้น หากคุณต้องการที่จะมีรูปร่างที่ดีขึ้น ไม่มีพุงพลุ้ย การซิทอัพจึงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด หากคุณต้องการลดไขมันคุณต้องออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นๆควบคู่ไปด้วย ส่วนการซิทอัพจะเป็นการเพิ่มกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้นเอง
ดังนั้น หากคุณต้องการที่จะลดน้ำหนัก สิ่งที่จะต้องทำก่อนการซิทอัพมีอยู่ 2 ประเด็นหลักๆ ก็คือ 1) การควบคุมอาหาร 2) การออกกำลังกายแบบ Cardio ทั้ง 2 ส่วนนี้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ค่ะ
1) การควบคุมอาหาร You are what You eat กินอะไรคุณก็ได้แบบนั้น คุณกินไขมันหมู สิ่งที่ร่างกายจะได้รับก็คือไขมันจากเนื้อสัตว์ แต่หากคุณกินโปรตีนมากๆร่างกายของคุณก็จะได้รับโปรตีนเพื่อไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเช่นกัน ดังนั้น การที่เรากินตามใจปาก เราก็ย่อมที่จะได้รับผลอย่างที่เรากินเข้าไป ถ้าคุณต้องการที่จะควบคุมน้ำหนัก การควบคุมอาหารจึงเป็นประเด็นสำคัญประเด็นแรกที่คุณจะต้องตระหนักและทำให้ได้อย่างจริงจัง อาหารหลักๆที่ควรงดก็คือ อาหารที่มีรสชาติจัดมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น รสหวานจัดมันจัด เค็มจัด หรือเผ็ดจัด แม้อาหารเหล่านี้จะอร่อยถูกปาก แต่รับรองว่ามันไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนักอย่างแน่นอน
2) การออกกำลังกายแบบ Cardio เราแนะนำให้มีการออกกำลังกายแบบนี้อย่างน้อย 45 นาทีต่อวัน และทำให้ได้สัปดาห์ละ 3-5 วัน ก็จะยิ่งเห็นผลได้อย่างชัดเจน การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอคือการที่ร่างกายมีการขยับเขยื้อนต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายหัวใจสูบฉีดเลือดเร็วกว่าปกติ สามารถออกได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น การวิ่ง การเดินเร็ว การว่ายน้ำ การเต้นแอโรบิค เป็นต้น การออกกำลังกายแบบ Cardio จะเป็นตัวเร่งที่ทำให้น้ำหนักเราลดลงได้เร็วกว่าการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว
หลังจากที่เรามีการควบคุมร่างกายใน 2 วิธีข้างต้นไปแล้ว จึงค่อยมาใช้วิธีการซิทอัพเพื่อเพิ่มความกระชับบริเวณหน้าท้องและเอว และคุณต้องรู้ไว้ว่าการออกกำลังกายเหล่านี้มีเงื่อนไขมีวิธีการที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณจำเป็นจะต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆเหล่านี้ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ เพราะหากทำผิดวิธีนอกจากจะไม่ได้อะไรกลับมาแล้ว อาจจะทำให้คุณเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ด้วย
ข้อเสียของการซิทอัพที่ไม่ถูกต้องสามารถเกิดผลร้ายแก่ร่างกายแบบใดได้บ้าง ประการที่สำคัญคือความเสี่ยงต่อการทำลายกระดูกหลังและเอว เนื่องจากการซิทอัพจะต้องเกร็งหลังอยู่เป็นประจำ ดังนั้น อาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อกระดูกหลังในระยะยาวเอาได้ ประการที่สองจะเกิดขึ้นเมื่อซิทอัพด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง
การซิทอัพเป็นการออกกำลังกายเฉพาะส่วน เพื่อให้เกิดมวลกล้ามเนื้อที่ตึงกระชับในบริเวณใดบริเวณบริเวณหนึ่ง แต่หากคุณมัวแต่ซิทอัพโดยไม่ออกกำลังกายในรูปแบบอื่นๆควบคู่ไปด้วย การสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่มีประโยชน์ เพราะยังคงมีไขมันปกคลุมอยู่ ทำให้ไม่สามารถเห็นกล้ามเนื้อสวยๆอย่างที่ใจต้องการได้ ดังนั้น สำหรับคนที่ยังมีน้ำหนักเกินมาตรฐานอยู่ ขอให้เริ่มต้นจากการออกกำลังกายแบบ Cardio หรือการขยับร่างกายในแต่ละวันให้มากขึ้นก่อน แล้วค่อยมาเริ่มออกกำลังกายด้วยการซิทอัพ โดยเบื้องต้นอาจจะซิทอัพเพียงแค่วันละ 10 ถึง 20 ครั้ง แล้วจึงเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ การซิทอัพเพียงแค่วันละ 50 ครั้งด้วยท่าทางที่ถูกต้องก็มาเพียงพอที่จะทำให้คุณมีหน้าท้องที่แบนราบแล้ว ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเอง
ท่าทางการซิทอัพที่ถูกต้อง คือ จะต้องเริ่มจากการควบคุมลมหายใจเข้าออกให้ถูกจังหวะ รวมไปถึงการเกร็งร่างกายให้ถูกส่วน การซิทอัพที่ดีจะต้องเกร็งที่หน้าท้อง ไม่ใช่การเกร็งที่ต้นคอ หากคุณซิทอัพแล้วรู้สึกถึงอาการปวดเมื่อยบริเวณใดบริเวณหนึ่ง นั่นหมายความว่าคุณกำลังเกร็งอวัยวะผิดส่วนอยู่นั่นเอง การฝึกซิทอัพในช่วงแรกๆไม่จำเป็นจะต้องยกตัวขึ้นมาสูงมาก ขอเพียงแค่ให้หัวไหล่สองข้างพ้นจากพื้นเท่านั้นก็ใช้ได้แล้ว แต่หลังจากหน้าท้องเริ่มมีกำลัง หรือกล้ามเนื้อท้องเริ่มแข็งแรงมากขึ้น คุณก็สามารถที่จะออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่
หวังว่าวิธีการที่แนะนำไปจะช่วยให้คุณมีความสุขในการออกกำลังกายได้มากขึ้น และเห็นผลที่ดีจากความตั้งใจที่ลงมือทำลงไป ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงทุกท่านค่ะ
ที่มา: สุขภาพน่ารู้.Com